ศาลลงโทษทหาร ยิงประชาชนไอร์แลนด์ 47 ปีก่อน

เหตุการณ์ “วันอาทิตย์นองเลือด” หรือ “Bloody Sunday” เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่กองทัพอังกฤษยิงปราบปรามผู้ชุมนุมไอร์แลนด์เหนือในเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2515 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย
ผ่านมา 47 ปีจนถึงเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอัยการก็เปิดเผยว่ามีการตั้งข้อกล่าวหาอดีตทหารนายหนึ่งที่เรียกนามสมมุติว่า “พลทหารเอฟ” (Soldier F) ในข้อหาสังหารผู้ประท้วง แต่อัยการก็ระบุว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานมากพอจะเอาผิดกับอดีตทหารอีก 16 นายที่เหลือ

18 มี.ค. 2562 เมื่่อสัปดาห์ที่แล้วมีการตั้งข้อกล่าวหาเอาผิดอดีตทหารอังกฤษที่เรียกด้วยนามสมมุติว่า “พลทหารเอฟ” (Soldier F) จากกรณีสังหารผู้ประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเมืองในเหตุการณ์ “วันอาทิตย์นองเลือด” (Bloody Sunday) เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2515 หลังจากเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 47 ปี
สำนักงานอัยการแห่งไอร์แลนด์เหนือ (Public Prosecution Service of Northern Ireland) ระบุว่าพลทหารเอฟจะถูกดำเนินคดีในข้อหาสังหาร เจมส์ เวรย์ และ วิลเลียม แมคคินนีย์ รวมถึงพยายามฆ่าคนอื่นๆ ในการชุมนุมที่ลอนดอนเดอร์รีในเหตุการณ์วันอาทิตย์นองเลือด
อย่างไรก็ตามทางอัยการกล่าวว่าพวกเขาไม่หักฐานมากพอจะเอาผิดกับอดีตทหารอีก 16 นายที่เหลือ รวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกของกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ผู้ถูกไต่สวนเรื่องข้อกล่าวหาการสังหารผู้คนเหล่านี้ด้วย
การตั้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากใช้เวลา 2 ปี ในการที่ตำรวจส่งเรื่องให้กับอัยการ และใช้เวลาอีกเกือบ 9 ปีแล้วหลังจากมีข้อสรุปการสืบสวนสอบสวนกรณีการสังหารนี้ ซึ่งเดิมทีแล้วคณะไต่สวนในเรื่องนี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยเน้นการสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมากกว่าการเน้นฟ้องร้องดำเนินคดี
คณะไต่สวนข้อเท็จจริงระบุว่า ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 47 ปีที่แล้ว ทหารอังกฤษเปิดฉากยิงใส่คนที่ไม่มีอาวุธและพลเรือนที่วิ่งหนีโดยไม่มีความชอบธรรมใดๆ
และกองทัพอังกฤษก็โกหกในเหตุการณ์นี้มานานหลายสิบปีจากการที่พวกเขากล่าวหาว่าผู้ประท้วงเป็นกลุ่มไออาร์เอที่มีระเบิดและอาวุธปืน ซึ่งหลังจากมีการสืบสวนเรื่องนี้ไม่นานก็พบว่าฝ่ายทหารโกหก
สมาชิกครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ใช้เวลาหลายปีในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อ
ในขณะที่ฝ่ายผู้สนับสนุนกองทัพอังกฤษโต้แย้งว่าพลทหารไม่ควรจะลงโทษจากการตัดสินใจชั่วเสี้ยววินาทีในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายสิบปีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามในการตัดสินครั้งนี้ที่มีพลทหารเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ถูกตัดสินให้มีความผิด ก็สร้างความผิดหวังให้กับญาติหลายสิบคนที่ถือรูปถ่ายขาวดำของผู้เสียชีวิตที่ศาลากลางของลอนดอนเดอร์รี
หนึ่งในญาติของผู้เสียชีวิตคือ จอห์น เคลลี กล่าวว่า หลายครอบครัวรู้สึกผิดหวังมากต่อคำตัดสินนี้แต่เขาก็ยินดีกับครอบครัวของเหยื่อ 6 ราย ที่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่พลทหารรายหนึ่งถูกตัดสินให้มีความผิด ซึ่งเคลลี บอกว่า “ชัยชนะของพวกเขาก็เป็นชัยชนะของพวกเราด้วย”
“พวกเราเดินทางมาไกลนับตั้งแต่ที่พ่อและพี่น้องของพวกเราถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมบนถนนเดอร์รีในวันอาทิตย์นองเลือด ในช่วงที่เวลาเดินผันผ่าน พ่อแม่ของผู้ถูกสังหารได้เสียชีวิตไปแล้ว พวกเราจะอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนให้พวกเขาเหล่านั้น”
เคลลี กล่าว
การสืบหาความจริงในคดีนี้ทั้งรัฐบาลอังกฤษ ไอร์แลนด์เหนือ และสหรัฐฯ รวมถึงญาติของเหยื่อต่างก็มองว่าเป็นกระบวนการเยียวยาหนึ่งในบาดแผลที่ใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือยาวนาน 4 ทศวรรษ
ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณชื่อ เอมอนน์ แมคแคนน์ ผู้ที่เป็นนักข่าวและนักกิจกรรมสิทธิพลเมืองเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2515 ว่ามีผู้คนมากกว่า 10,000 คนเดินขบวนไปตามท้องถนน เพื่อประท้วงที่กองทัพอังกฤษ คุมขังผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของกลุ่มกบฏไออาร์เอ โดยไม่มีการไต่สวนใดๆ
แมคแคนน์เล่าต่อไปว่าในการเดินขบวนในครั้งนั้นมีทหารอังกฤษมาปิดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าถึงใจกลางเมือง ทำให้ผู้เดินขบวนพากันหันหลังไปสู่ย่านของชาวคาทอลิกที่ชื่อบ็อกไซด์แทน
มีผู้ชุมนุมบางส่วน ที่เริ่มด่าทอทหารและบ้งก็ขว้างปาก้อนหินใส่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก สถานการณ์ปกตินี้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการเริ่มเปิดฉากยิงเกิดขึ้นจากฝ่ายทหาร ทำให้แมคแคนน์ต้องหาที่หมอบลงกับพื้นเพื่อหลบกระสุน
การสังหารในครั้งนี้ กลายเป็นรอยด่างของกองทัพอังกฤษ ที่พยายามกล่าวหาว่าฝ่ายผู้ประท้วงเป็นฝ่ายยิงก่อน แต่ก็มีการสืบสวนแล้วว่าไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตามแมคแคนน์บอกว่าการสังหารเมื่อ 47 ปีที่แล้ว ทำให้จิตใจของชาวไอร์แลนด์แข็งกร้าวขึ้น และความแข็งกร้าวนี้ก็ถูกทดสอบอีกครั้ง หลังการตัดสินของอัยการ ในช่วงเวลาที่ใกล้กับวันเฉลิมฉลองเซนต์แพทริก (St.Patrick’s Day) ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาและทางวัฒนธรรมของไอร์แลนด์
มีการพ่นกราฟิตีใหม่ในที่เกิดเหตุสังหารด้วยข้อความว่า “ไม่มีความยุติธรรม ก็ไม่มีสันติภาพ”
“มันกลายเป็นบาดแผลร่วมกันของคนผู้คน” แมคแคนน์กล่าว และสื่อวอชิงตันโพสต์ก็ระบุว่าดูเหมือนบาดแผลนี้จะยังไม่ได้รับการเยี่ยวยา เมื่อมองจากความไม่พอใจของครอบครัวชาวไอร์แลนด์เหนือที่สื่อถึงความไม่พอใจการตัดสินที่พวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม
เรียบเรียงจาก
British ex-soldier to be charged in Bloody Sunday killings, The Washington Post, 14-03-2019
In Ireland, Bloody Sunday’s ‘communal wound’ reopened on St. Patrick’s Day’s eve, The Washington Post, 16-03-2019
ที่มา : ประชาไท
Hits: 155